สารบัญ : เลือกอ่านตามหัวข้อ
- Bwell เครื่องลดความชื้น รุ่น BDH-53
- BOMIDI 3in1 Smart Air Purifier เครื่องฟอกอากาศ
- Simplus เครื่องดูดความชื้น รุ่น CUSH002
- HAFELE เครื่องลดความชื้น / Dehumidifier
- Levoit Humidifier VeSync Classic 300S Ultrasonic Smart
- Xiaomi Smart Dehumidifier 22L เครื่องลดความชื้น
- HOMEMATE เครื่องดูดความชื้น รุ่น HOM-1612L2
- LG เครื่องลดความชื้น PuriCare Dehumifier
- Simplus เครื่องลดความชื้น CUSH001
- Lecon เครื่องลดความชื้น 12L
10 อันดับ เครื่องดูดความชื้น ยี่ห้อไหนดี
1. Bwell เครื่องลดความชื้น รุ่น BDH-53
Bwell
- ความสามารถในการลดความชื้น 53 ลิตรต่อวัน
- สามารถปรับค่าความชื้นที่ต้องการได้ 35% - 80%RH
- หน้าจอ Digital มีตัวเลขบอกระดับความชื้น
- สามารถเชื่อมต่อ Wifi ควบคุมการทำงาน
- ความจุถังน้ำ 6.5 ลิตร
- ระดับความดังตัวเครื่องเมื่อใช้งาน 50 dB(A)
2.BOMIDI 3in1 Smart Air Purifier เครื่องฟอกอากาศ
BOMIDI
- ลดความชื้นภายในห้อง บอกลาความชื้น รักษาความรู้สึกสบายและแห้ง
- ให้ความชุ่มชื้นอย่างอ่อนโยนพร้อมไอน้ำละอองละเอียด
- การฟอกอากาศ ให้ความบริสุทธิ์ยาวนาน การหายใจที่ดีต่อสุขภาพ
- การทำงานที่มีเสียงรบกวนต่ำ สะดวกสบายและไม่มีเสียง ให้การพักผ่อนที่เงียบสงบ จนแทบไม่รู้สึกว่ามีเครื่องทำความชื้นอยู่
- โหมดอัตโนมัติ ตรวจจับความชื้นโดยอัตโนมัติเพื่อรักษาระดับความชื้นที่เหมาะสม
3.Simplus เครื่องดูดความชื้น รุ่น CUSH002
Simplus
- ลดความชื้นนาน 24 ชั่วโมง
- ถังน้ำความจุ 2.5 ลิตร
- ไม่มีเสียงรบกวนขนาดนอนหลับ
- แผงสัมผัส จอ LCD
- ดีไซน์พัดลม 3 มิติ
4. HAFELE เครื่องลดความชื้น / Dehumidifier
HAFELE
- ลดความชื้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- สามารถดูดความชื้นและสกัดน้ำได้สูงสุดถึง 750 มล. ต่อวัน
- ขนาดความจุถังกักเก็บน้ำสูงสุดถึง 2 ลิตร
- อุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการใช้งาน: 5-32 องศาเซลเซียส
- ระบบตัดอัตโนมัติเมื่อระดับน้ำในถังเต็ม
- ไฟแสดงสถานะการทำงาน
5.Levoit Humidifier VeSync Classic 300S Ultrasonic Smart
Levoit
- ปรับการตั้งค่า สร้างกำหนดการ เชื่อมต่อกับการควบคุมด้วยเสียง และอื่นๆ ในแอป VeSync ฟรี
- เลือกจากโหมดต่ำ กลาง สูง และอัตโนมัติ
- ปรับระดับโดยอัตโนมัติเพื่อรักษาความชื้นสัมพัทธ์ 40–50% หรือระดับความชื้นที่คุณกำหนดเอง
- เพิ่มความชื้นในห้อง 215–505 ฟุต² / 20–47 ตร.ม. ได้นานถึง 60 ชั่วโมงโดยไม่ต้องเติมน้ำเพิ่ม
- พักผ่อนอย่างเต็มอิ่มตลอดทั้งคืนในขณะที่เครื่องฟอกอากาศทำงานโดยมีระดับเสียงต่ำถึง 24dB
6.Xiaomi Smart Dehumidifier 22L เครื่องลดความชื้น
Xiaomi
- กำลังดูดความชื้น 22L/D
- ถังเก็บน้ำความจุขนาด 4.5L
- โหมดการตากผ้า
- ระบบควบคุมเสียงอัจฉริยะ
- การเชื่อมต่อAPPอัจฉริยะ
7.HOMEMATE เครื่องดูดความชื้น รุ่น HOM-1612L2
HOMEMATE
- ลดความชื้นภายในห้องได้ 12 ลิตร/วัน
- ระดับเสียงเพียง 42 เดซิเบล
- มาพร้อมการประหยัดพลังงาน
- ตัดการทำงานอัตโนมัติเมื่อน้ำในถังเต็ม
- มาพร้อมตัวเลือกในการระบายน้ำอย่างต่อเนื่อง (Continuous Drainage Option)
- เคลื่อนย้ายสะดวก เพราะมีล้อและหูจับ
8.LG เครื่องลดความชื้น PuriCare Dehumifier
LG
- คืนความสมดุลของความชื้นในอากาศ ให้ความรู้สึกสบายตัว หายใจสะดวก ลดอาการภูมิแพ้และนอนหลับสบายมากขึ้น
- คอมเพรสเซอร์ Dual Inverter จึงทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เงียบและทนทานกว่า
- โหมดช่วยคุณเป่าผ้าแห้งในห้อง หมดกังวลผ้าอับชื้นแม้วันฝนตก
- อุปกรณ์เป่าแห้งเฉพาะจุด Y-Hose และ T-Hose ที่สามารถใช้ได้กับกระเป๋าและรองเท้า
- กำจัดแบคทีเรียในอากาศด้วยไออน และมีระบบ Auto Cleaning ช่วยไล่ความชื้นอัตโนมัติ
9.Simplus เครื่องลดความชื้น CUSH001
Simplus
- ขนาดเล็ก ดูดความชื้นได้ 300ml ต่อวัน พื้นที่ใช้งานได้ 5-15 ตารางเมตร
- ไม่มีมลพิษทางเคมี ,ไม่มีก๊าซที่เป็นอันตราย
- เงียบและเสียงรบกวนต่ำ
- พลังงาน23W คาร์บอนต่ำเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ใช้เพียง 0.5 kWh ต่อวัน
- มีระบบตัดไฟอัตโนมัติเมื่อน้ำเต็ม
- ถังน้ำแยก 600ml เทน้ำง่าย ทำความสะอาดง่าย ป้องกันการปนเปื้อนของแบคทีเรีย
10.Lecon เครื่องลดความชื้น 12L
Lecon
- หน้าจอ LCD
- ลดความชื้นและทำให้เสื้อผ้าแห้งในเวลาเดียวกัน
- ฟังก์ชั่นครบในหนึ่งเครื่อง
- มีระบบฟอกอากาศ Photocatalyst
- ตั้งค่าความชื้นได้ เมื่อถึงค่าที่กำหนดเครื่องจะหยุดทำงาน
- มีรีโมทบังคับ ใช้งานง่าย
แบรนด์ เครื่องดูดความชื้น ยอดนิยมในไทย
วิธีเลือกซื้อ เครื่องดูดความชื้น
การเลือกเครื่องดูดความชื้นขึ้นอยู่กับความต้องการและสภาพแวดล้อมของคุณ นี่คือบางข้อคิดที่ควรพิจารณา:
ปริมาณความชื้น: วิเคราะห์ปริมาณความชื้นในห้องที่คุณต้องการจะใช้เครื่องดูดความชื้นใน. หากมีปัญหาความชื้นสูงอย่างต่อเนื่องในห้องของคุณ เช่น ห้องน้ำหรือห้องครัว คุณอาจต้องการเครื่องดูดความชื้นที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าเพื่อให้ลดความชื้นได้มากขึ้น
ขนาดของห้อง: ระบุขนาดของห้องที่คุณต้องการจะใช้เครื่องดูดความชื้นใน เครื่องดูดความชื้นมีความสามารถในการปรับปริมาณของความชื้นที่ลดลงได้ ดังนั้น คุณควรเลือกเครื่องที่เหมาะสมกับขนาดของห้อง
ความสะดวกในการใช้งาน: คุณอาจต้องการเครื่องดูดความชื้นที่มีคุณสมบัติพิเศษ เช่น การตั้งเวลาให้ทำงานอัตโนมัติ หรือมีระบบตั้งค่าความชื้นอัตโนมัติ
ความเงียบ: หากคุณต้องการใช้เครื่องดูดความชื้นในห้องที่ต้องการความเงียบสงบ เช่น ห้องนอน คุณควรเลือกเครื่องที่มีระดับเสียงต่ำ
ค่าใช้จ่าย: พิจารณางบประมาณที่คุณพร้อมจะใช้สำหรับเครื่องดูดความชื้น ราคาส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติและประสิทธิภาพของเครื่อง
ความปลอดภัย: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเครื่องดูดความชื้นมีระบบป้องกันการรั่วไหลของน้ำหรือไม่ เพื่อป้องกันการเกิดอันตรายจากการรั่วไหลของน้ำ
การบำรุงรักษา: สอบถามเกี่ยวกับวิธีการดูแลและบำรุงรักษาเครื่องดูดความชื้น เช่น การล้างทิ้งน้ำที่สะสมของเครื่องอย่างไรและความถี่ในการทำความสะอาด
บรรจุภัณฑ์: ตรวจสอบสิ่งที่รวมมากับเครื่องดูดความชื้น เช่น กรองอะไรบ้างและว่ามีอะไรที่คุณจำเป็นต้องซื้อเพิ่มเติมหรือไม่
ความน่าเชื่อถือของแบรนด์: ควรเลือกซื้อจากแบรนด์ที่เชื่อถือได้ ที่มีความเชี่ยวชาญในการผลิตเครื่องดูดความชื้นและมีบริการหลังการขายที่ดี
ความสมบูรณ์แบบ: พิจารณาคุณสมบัติอื่น ๆ ที่คุณต้องการ เช่น การตั้งค่าอัตโนมัติ ระบบน้ำเย็น หรือคุณสมบัติการกรองอากาศ
การที่คุณพิจารณาข้อควรระวังและคุณสมบัติที่คุณต้องการจะช่วยให้คุณเลือกเครื่องดูดความชื้นที่เหมาะสมกับความต้องการและสภาพแวดล้อมของคุณได้อย่างถูกต้อง โดยคำแนะนำข้างต้นจะช่วยให้คุณเลือกได้สมเหตุสมผลมากยิ่งขึ้น ตรงตามความต้องการของคุณและประสบการณ์ในการใช้งานแล้วที่คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ